A member of the SI-USA team will be in touch within 24 hours to arrange your initial consultation with one of our education experts.
ค่าครองชีพ และการเรียนในสหรัฐอเมริกาอาจจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สถานที่ตั้ง สถาบันการศึกษา หลักสูตรที่เลือกเรีย และไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
การเรียนต่อต่างประเทศอาจมีค่าใช้จ่ายสูง แต่หากนักเรียนมีการจัดการงบประมาณอย่างถูกต้องและเหมาะสม นักเรียนก็จะสามารถมีชีวิตที่สะดวกสบายในขณะที่เรียนอยู่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงยังมีทุนการศึกษา ทุนสนับสนุน และโอกาสในการทำงานพาร์ทไทม์ ที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินได้เช่นกัน
การเรียนต่อในสหรัฐอเมริกา จะมีทางเลือกระหว่างสถาบัน 2 ประเภทหลัก: Public/State and Private universities โดยทั่วไปแล้วค่าเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ จะมีราคาถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสถาบันการศึกษาเอกชน ซึ่งค่าเล่าเรียนก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระดับการศึกษา มหาวิทยาลัย และสาขาวิชาที่เลือกเรียนต่อ โดยทั่วไป ค่าเล่าเรียนจะอยู่ในช่วงประมาณ $8,000 - $55,000 ต่อปี (โดยประมาณ)
เดิมที หลักสูตรมนุษยศาสตร์ ศิลปะ และการศึกษา จะมีแนวโน้มที่ค่าเล่าเรียนจะถูกกว่า ในขณะที่สาขาวิชา เช่น การแพทย์ และวิศวกรรมศาสตร์ จะมีแนวโน้มที่จะต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงกว่า แน่นอนว่าการศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษา จะมาพร้อมกับค่าเล่าเรียนที่สูงขึ้น ซึ่งแตกต่างกันไปตามหลักสูตร โดยเฉพาะหลักสูตร MBA อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า โดยเฉลี่ยประมาณ $35,000 ต่อปี (โดยประมาณ)
ตารางด้านล่างนี้ จะแสดงค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่อสำหรับนักเรียนต่างชาติในสหรัฐอเมริกา โดยประมาณ:
สถาบัน / ระดับการศึกษา | ค่าเล่าเรียนโดยประมาณ |
---|---|
Undergraduate Degree |
$20,000 - $45,000 ต่อปี |
Graduate Degree |
$20,000 - $50,000 ต่อปี |
Doctoral Degrees |
$28,000 - $55,000 ต่อปี |
Community colleges |
$8,000 - $15,000 ต่อปี |
English language studies |
$700 - $2,000 ต่อปี |
จากข้อมูลของ College Board ค่าเล่าเรียนโดยเฉลี่ยที่เผยแพร่สำหรับปีการศึกษา 2018/19 ที่วิทยาลัยของรัฐจะอยู่ที่ประมาณ $10,230 สำหรับผู้อยู่อาศัยในรัฐต่าง ๆ และ $26,290 สำหรับนักเรียนนอกรัฐ ในทางกลับกัน non-profit colleges จะมีค่าเล่าเรียนเฉลี่ยประมาณ $35,830 โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางเลือกที่ประหยัดที่สุดคือ public-sector two-year colleges หรือรู้จักกันในชื่อ community หรือ city colleges โดยมีค่าธรรมเนียมเฉลี่ยเพียง $3,660 ในปี 2018/19 นั่นเอง
เป็นที่น่าสังเกตว่า ถึงแม้ two-year colleges จะไม่ได้เปิดสอนหลักสูตรปริญญาเต็มรูปแบบ แต่ก็มีหลักสูตร associate’s degrees ถือเป็นหลักสูตรครึ่งแรกของระดับปริญญาตรี ซึ่งสามารถเรียนเสริมได้ด้วยการโอนย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเพิ่มอีก 2-3 ปี
เมื่อพิจารณาการศึกษาระดับอุดมศึกษาในสหรัฐอเมริกา สิ่งสำคัญคือต้องชั่งน้ำหนักถึงค่าเล่าเรียน ซึ่งอาจแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับว่านักเรียนเลือกมหาวิทยาลัยของรัฐ หรือเอกชน
รายชื่อมหาวิทยาลัย | รัฐ / เอกชน | ค่าเล่าเรียน โดยประมาณ | ที่ตั้ง |
---|---|---|---|
Massachusetts Institute of Technology |
เอกชน |
$57,590 |
Massachusetts, USA |
Stanford University |
เอกชน |
$56,480 |
California, USA |
Harvard University |
เอกชน |
$49,653 |
Massachusetts, USA |
University of California Berkeley |
รัฐ |
$24,405 |
California, USA |
Yale University |
เอกชน |
$62,250 |
Connecticut, USA |
Cornell University |
เอกชน |
$62,456 |
New York, USA |
University of Michigan |
รัฐ |
$26,226 |
Michigan, USA |
มหาวิทยาลัยของรัฐในสหรัฐอเมริกา จะได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลของรัฐ ส่งผลให้ค่าเล่าเรียนสำหรับผู้อยู่อาศัยในรัฐค่อนข้างถูกกว่า โดยมหาวิทยาลัยเอกชนมักจะมีค่าเล่าเรียนที่สูงกว่า และตัวเลขเหล่านี้ถือเป็นตัวเลขโดยประมาณ และอาจเปลี่ยนแปลงได้ทุกปี นอกจากนี้ การพิจารณาค่าใช้จ่าย จำเป็นต้องคำนึงถึงค่าครองชีพโดยรวมในภูมิภาคที่เราอาศัยอยู่ด้วย
แน่นอนว่าการทำความเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมต่าง ๆ จะสามารถช่วยในการตัดสินใจอย่างถูกต้อง เกี่ยวกับเส้นทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาในสหรัฐอเมริกา
ค่าครองชีพสำหรับนักเรียนต่างชาติในสหรัฐอเมริกาอาจจะแตกต่างกันไป โดยเมืองใหญ่ ๆ เช่น New York, Washington DC, Los Angeles และ San Francisco เมืองเหล่านี้จะมีค่าครองชีพที่สูงกว่าเมืองอื่น ๆ ประมาณ $13,000 - $18,000 ต่อปี โดยค่าใช้จ่ายจะแตกต่างไปตามรัฐและเมือง นั่นเอง
แม้ว่าตัวเลขเหล่านี้จะเป็นแนวทางเพื่อหาข้อมูล แต่การตัดสินใจส่วนตัวอาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายเปลี่ยนแปลงได้ การวางแผนทางการเงินและการเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในด้านค่าครองชีพ ซึ่งจะถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเรียนต่างชาติในสหรัฐอเมริกา
ค่าครองชีพในเมืองต่าง ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกาอาจจะแตกต่างกัน รวมถึงจะมีค่าใช้จ่ายของที่พัก อาหาร การเดินทาง และความจำเป็นอื่น ๆ ที่แตกต่างกัน นี่คือรายละเอียดค่าครองชีพรายเดือนในบางเมือง ของสหรัฐอเมริกา:
เมือง | ค่าใช้จ่าย รายเดือน (USD) |
---|---|
Boston |
$3,458 |
New York |
$4,111 |
San Francisco |
$4,095 |
Chicago |
$2,694 |
Los Angeles |
$3,463 |
Washington DC |
$3,301 |
เมื่อได้รับการอนุมัติวีซ่า อาจมีค่าธรรมเนียมการออกวีซ่าเพิ่มเติม ตามสัญชาติของนักเรียน โดยค่าธรรมเนียมจะอยู่ที่ประมาณ $150 ต่อการสมัคร
นอกเหนือจากค่าที่พัก และค่าเล่าเรียนแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องรวมไว้ด้วยเพื่อเป็นข้อมูลว่าเราจะใช้จ่ายอย่างไร และจะประหยัดเงินได้จากที่ไหน
สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวเลขโดยประมาณเท่านั้น และอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเลือกรูปแบบการใช้ชีวิต พฤติกรรมการใช้จ่ายส่วนบุคคล และสถานที่ตั้ง โดยนักเรียนสามารถค้นหาค่าใช้จ่ายเฉพาะในเมือง หรือรัฐที่วางแผนจะอาศัยอยู่ รวมถึงพิจารณาค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้น เช่น ภาษี ค่าประกัน และค่าใช้จ่ายฉุกเฉินต่าง ๆ
นักเรียนต่างชาติสามารถสมัครขอรับทุนการศึกษา ทุนสนับสนุน และโอกาสในการทำงานที่แนะนำโดยมหาวิทยาลัย สถาบัน และหน่วยงานของรัฐ ซึ่งสามารถช่วยครอบคลุมค่าเล่าเรียน และค่าครองชีพ นั่นเอง
ทุนการศึกษาที่โดดเด่น เช่น Global Excellence Scholarships ของ University at Albany, Merit Scholarships ของ Alfred University และ International Merit Scholarship ของ the University of Central Arkansas และอื่น ๆ
หากนักเรียนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับค่าเล่าเรียน หรือค่าครองชีพ รวมถึงข้อมูลเรื่องทุนการศึกษาในสหรัฐอเมริกา สามารถติดต่อรับคำปรึกษาฟรี กับ SI-USA ได้ตั้งแต่วันนี้ หรือค้นหาทุนเรียนต่อสหรัฐอเมริกา ได้ด้วยตนเองที่เว็บไซต์ของเรา
ยังไม่มีกิจกรรมในขณะนี้
"SI-USA ช่วยฉันในการสมัครเรียนสาขาบริหารธุรกิจในสหรัฐอเมริกา และฉันรู้ไม่จะขอบคุณพวกเขาอย่างไรดี พวกเขาช่วยเหลือฉันในแต่ละขั้นตอน ทำให้ฉันได้มีตัวเลือกในคอร์สเรียนและเลือกมหาวิทยาลัย ช่วยลดความเครียด ของฉันไปได้เยอะ"
©2024 SI-USA | All rights reserved | Privacy Policy